เก็บเงิน 1000 บาทแรก (ฉบับนักเรียนนักศึกษา)
จากที่ผู้เขียนเคยอ่านบทความไม่ว่าจะตาม เว็บไซตื หรือ
เฟสบุ๊คก็ดี ก็ได้เห็นบทความ
วิธีเก็บเงินต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็บเงินด้วย แบงค์ 50 หรือ
เก็บเงินเพิ่มตามจำนวนวัน เป็นเวลาตามกำหนด แล้วจะได้เงินหลักหมื่น
แต่ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นบทความที่คอยช่วยแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเก็บเงิน
ผู้ที่ยังไม่มีรายได้อะไร เขาจะเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาเก็บจากไหน
วันนี้ผู้เขียนจึงขอถือโอกาสแบ่งปันวิธีเก็บเงิน 1000 บาทแรก
ฉบับนักเรียนนักศึกษา และผู้ที่มีรนายได้น้อยมากๆ เพื่อให้เพื่อนๆ
หรือผู้อ่านได้พอมีแนวทางในหัวสำหรับการเก็บเงินที่มันไม่ยากเกินไป
และเห็นผลค่อนข้างเร็ว ด้วยเทคนิค 3 ข้อนี้
1.รู้จักรายรับกับรายจ่ายของตัวเอง
สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง เงินที่ได้จากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง แทบจะเป็นรายได้เพียงทางเดียวที่ได้รับ เพราะฉนั้นการจัดการรายรับรายจายจึงเป้เรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ ตองแบ่งสัดส่วนให้ชัดเจน ซึ่งผู้เขียนจะขอแบ่งรายจ่ายออกเป็นข้อๆดังนี้
1.ค่าเดินทาง 2.ค่ากิน 3.ค่าชีต/การบ้าน 4.เงินเก็บ
1.1 ค่าเดินทาง
เป็นเงินที่เราจะต้องเก็บไว้ใช้ในการเดินทางไปกลับจากบ้านถึงโรงเรียน เช่น
ค่าโดยสารประจำทาง ค่ารถรายเดือน ค่าน้ำมันรถ ซึ่งรายจ่ายส่วนนี้ผู้เขียนมองว่า
มันเป็นรายจ่ายที่ค่อนข้างนิ่งที่สุด (ถ้าไม่ถเลถไล ละนะ 555) เพราะฉนั้นผู้เขียนจึงล๊อกเงินส่วนนี้ไว้ก่อนเลย
1 ก้อน
1.2 ค่ากิน หลายๆคนคงหมดไปกับข้อนี้ไม่ใช่น้อย หรือว่า
เงินที่เหลือทั้งหมดก็จะหมดไปกับตรงนี้ทั้งนั้น ผู้เขียนเองก็เคยประสบปัญหาการใช้เงินเติบในเรื่องการกินเหมือนกัน
ซึ่งจากประสบการณ์ล้ว
เราจะหมดเงินส่วนนี้ไปกับ คำว่า
“ข้าว......0พิเศษ
แล้วก็ แป๊ปซี่ขวด น้ำแข็งแก้วหนึ่ง”
ข้าว
1 จานราคา 35 บาท ถ้าพิเศษ 40 บาท
น้ำเปล่า 6 บาท น้ำแป๊ปซี่ 12 บาท น้ำแข็ง 2 บาท
น้ำเปล่า 6 บาท น้ำแป๊ปซี่ 12 บาท น้ำแข็ง 2 บาท
รวม 1 มื้อ ผู้เขียนใช้เงินไป 54 บาท แต่ถ้า ผู้เขียนสั่งข้าวะรรมดา
และน้ำเปล่า ผู้เขียนจะใช้เงินแค่ 41 บาทเท่านั้น ต่ากัน ถึง 13 บาท
1.3 ค่าชีตกับการบ้าน
ข้อนี้ถ้าเป็นนักเรียนในระดับมัธยมจะยังไม่ค่อยเปลืองเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น
มหาลัยมันก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งวิธีแก้ไขมันก็มีอยู่หลายวิธี เช่น
รวมกันกับเพื่อนไปถ่ายเอกสาร หรือว่า จะยืมรุ่นพี่หรือเพื่อนที้เรียนวิชานั้นๆ ไปแล้ว
ถึงจะมองดูว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้ามันหลายวิชา
มันก็ประหยัดไปได้หลายร้อยนะเออ
1.4 เงินเก็บ เงินส่วนนี้เป็ยเงินที่เหลือจาก 3 ส่วนที่ผ่านมา
มันอาจจะไม่ได้มากมายในช่วงแรกๆ แต่มันก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเก็บเงิน 100 บาทแรก 1000 บาทแรกอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่เมื่อทำมันได้แล้วครั้งหนึ่งครั้งต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก
2.เก็บเงินแบ่งใช้
ข้อนี้จะขอพูดถึงในส่วนของการเก็บเงิบเงินแบบเฉพาะเจาะจง เพราะว่า จะเก็บเงินได้มากน้อยไม่สำคัญเท่ากับเรารักษางินเอาไว้ได้หรือเปล่า นั่นเอง
สำหรับนักเรียนนักศึกษา
ที่มีรายรับทางเดียวที่ได้จากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ให้ลืมวิธีการเก็บเงินแบบที่เราเห็นกันคุ้นตาอย่างเก็บเงินด้วยแบ็งค์
50 หรือเก็บเงินตามวันนี้ไปก่อนเลย เมื่อเรามีเงินน้อย
เราก็จะต้องเริ่มจากเงินน้อยๆที่เรามี โดยวิธีการที่ผู้เขียนใช้คือการเก็บเหรียญ
ใช่แล้วครับ ก็บเหรียญ ซึ่งแค่เก็บเหรียญใส่กระปุก ธรรมดาๆ
มันไม่ได้ช่วยให้เก็บเงินอยู่ได้แน่นอน ผู้เขียนจึงใช้วิธีการเก็บแยกเหรียญ 1 บาท
2 บาท 5 บาท 10 บาท ออกจากกัน
โดยเหรียญที่มีความสำคัญที่สุด ก็คือเหรียญ 10 บาท
ถามว่า
ทำไม้องเก็บแยกเหรียญ เพราะวาเดิมทีการเก็บเหรียญรวมกันกระปุกเดียว ถ้าเราแค่กระปุก
1 ครั้ง เงินเกือน ทั้งหมด ก็จะหายไป ตุถ้าเราเก็บแยก เงินเราก็จะหายไปแค่ ที
ละกระปุก และจำนวนเงินที่หายไปมันก็จะน้อยลงไปมาก
เช่น
ฉุกเฉินครั้งที่ 1 เราใช้เหรียญ 1 บาท จนหมด เราก็ยังมี เหรียญ 2บาท 5 บาท 10
บาทอยู่
ฉุกเฉินครั้งที่2 เราใช้เหรียญ 2 บาท เราก็จะยังมี เหรียญ 5 บาท 10 บาท และ 1 บาทที่เก็บเพิ่มเข้ามา
ฉุกเฉินครั้งที่2 เราใช้เหรียญ 2 บาท เราก็จะยังมี เหรียญ 5 บาท 10 บาท และ 1 บาทที่เก็บเพิ่มเข้ามา
เป็นอย่างงี้ไปเรื่อยๆ แต่ เหรียญ 10 บาทจะต้องเป็นเหมือนกับปราการด่านสุดท้าย
เพราะมันมีค่า และจำนวนมากที่สุดในบรรดาเหรียญทุกๆเหรียญที่มี
3. วินัยคือสิ่งสำคัญ
ในการเก็บเงิน วินัยการใช้เงินถือว่า สำคัญมาก เพราะการมีวินัยจะทำให้เรารู้จักเก็บเงิน และจะเก็บเงินได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเราทำได้ตามวิธีข้างต้นและสามารถเก็บเหรียญได้อย่างน้อยวันละ 20 บาท 1 เดือน เราก็จะมี เงินเก็บ 600 บาท และสองเดือน เราก้จะมีเงินเก็บ 1200 บาทแล้ว
มาถึงจุดนี้หลายๆคนก็คงพอจะมีแนวทางการเก็บเงินไว้ในหัวกันแล้ว
ผู้เขียนจึงขอฝากเรื่องการใช้เงินไว้อีกเรื่อง เวลาที่เราอยากได้อะไร
คนเราจะไม่ค่อยใช้สติในการตัดสินใจ จะใช้ความอยากเป็นใหญ่ จนลืมไปว่า
ที่ซื้อมานั่นมันจะใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงไหน จึงอยากฝากว่า ก่อนสื้ออะไร
ควรตัดสินใจดีๆ ซื้อแต่ของที่มีประโยชน์กับเราจริงๆ
ไม่งั้นอาจจะเสียเงินเปล่าได้นะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาจนถึงจุดนี้
ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนมีคำแนะนำติชม หรืออยากให้เขียนเรื่องอะไร ก็ลองคอมเม๊นต์
พูดคุยกันได้ที่ด้สนล่างเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น