การถูกเนิฟค่าแรง แก้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียงในแบบ 4.0
จากประสบการณ์ การทำงาน หลายๆอย่างในช่วงวัยเรียน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันทำให้เห็นข้อดีและ ข้อเสียของงานแต่ละแบบ เนื่องด้วยผู้เขียนยังเรียนอยู่ และต้องการที่จะหารายได้เสริมระหว่างเรียน จึงต้องทำงานพิเศษบ้าง ในช่วงแรกๆ เราก็เริ่มจากงานง่ายๆแถวบ้าน ค่าแรงตอนแรก อยู่ที่ 350 ถึง 400 บาท แต่ตอนหลัง ค่าแรง อยู่ที่ 300 ถึง 350 จะเห็นว่า ค่าแรงเราถูกเนิฟลงมาจากเดิม 50 บาท แต่ในขณะที่รายจ่ายเราเพิ่มขึ้น
ผู้เขียนจึงคิดว่า จะทำอย่างไร ในเมื่อรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายรับกลับลดลง จึงคิดว่าการทำงานเพิ่มจากเดิม จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ต่อมาผู้เขียนได้มีโอกาสไปทำงานในโรงงานอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้เข้าใจระบบการจ่ายเงินของโรงงาน และมั่นใจได้เลยว่า ค่าแรงของเราจะไม่ถูกเนิฟลงมาแน่นอน เพราะระบบโรงงานจะเป็นระบบที่มีรายลักอักษรชัดเจน เช็คการทำงานตามเวลาเข้าออก แต่ว่าการทำงานค่อนข้างที่จะไม่เป็นอิสระเท่าที่ควร
เมื่อผู้เขียนได้เข้าเรียนมหาลัย และไม่ได้ทำงานโรงงาน แต่ก็หารายพิเศษจากการสอนพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง แล้วมันก็เหมือนกับหนังฉายซ้ำ ที่เราโดนเนิฟค่าแรงจากลงมาอีกรอบ ผู้เขียนจึงรู้สึกว่า ไม่ว่าเราจะทำงานอะไร ที่ไม่มีการเซ็นสัญญาเป็นรายลักอักษรนั้นมีโอกาสสูงมากที่เราจะถูกเนิฟค่าแรง หรือถูกโกงสูง
จนผู้เขียนเริ่มคิดแล้วว่า เราจะทำยังไงให้ค่าแรงไม่ถูกเนิฟ และเป็นงานที่ค่อนข้างอิสระไม่เหมือนกับการทำงานในโรงงาน โดยคียเวิร์ดของปัญหาคือ "รายได้มั่นคงแบบโรงงาน กับอิสระเหมือนฟรีแลนซ์"
ผู้เขียนได้ย้อนคิดไปถึง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่แบ่งที่ดินเป็น 30 30 30 10 คือ สวน ไร่ บ่อ บ้าน ตามลำดับ แต่าว่าอัตตราส่วนของการทำการเกษตรนั้นแบ่งไปตามความเหมาะสม
(อ้าวว แล้วเกี่ยวกับเรื่องเนิฟค่าแรงยังไง ?)
ผู้เขียนไม่มีทั้งที่ดินที่จะทำการเกษตรและเวลามากพอจะไปทำไร่ปลูกผัก มันเป็นโจทย์ที่ยากมาก สำหรับผู้เขียนว่าจะทำยัง
ผู้เขียนรู้ว่า เศรษบกิจพอเพียงคือการประยุคใช้สิ่งที่อยุ่รอบตัวให้เข้ากับชีวิตประจำวัน "แล้วประจำวันของเราทำอะไรได้บ้าง ในยุคของ 4.0 ?"
ใช่แล้ว 4.0 !! ยุค 4.0 เป็นยุคที่การสื่อสารของประเทศแทบจะเป็นแบบดิจิต้อล เราสามาถรติดต่อกับใครก็ได้ผ่านหน้าคอมที่มีอินเตอร์เน็ต คำถามคือ "เราจะทำงานหน้าคอมได้ไหม ? และถ้าเศรษฐกิจพอเพียงในแบบ 4.0 จะเป็นอย่างไร ?"
ผู้เขียนได้ตกตะกอนความคิดอยู่พักใหญ่ว่าจะทำยังไงกับชีวิต จนได้คำตอบว่า "จะขายสติ๊กเกอร์ไลน์"
เนื่องด้วยพอมีความสามารถในการวาดรูป และใช้คอมพิวเตอร์อยู่บ้าง เลยอย่ากจะลองทำดู โดยผู้เขียนมีเป้าหมายไว้ว่า เราจะต้องมีรายได้แบบ passive income จากการขายสติ๊กเกอร์ เฉลี่ยให้ได้วันละ 200 บาท ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยาก มาก ๆ กับการทำให้มีรายได้เฉลี่ยจาก ไลน์ วันละ 200 บาท
ผู้เขียนจึงกลับไปทางเดิมคือการสอนพิเศษ และก็โดนเนิฟเหมือนเดิม (ย่อมโง่ละ) ทำให้ผู้เขียนมีรายได้จากการสอนพิเศษซึ่งเป็นแบบ active income อาทิตย์ละประมาน 1400 กว่าบาท
จึงทำตอนี้ผู้เขียนมีรายได้จาก 2 ทางคือ ทั้งสอนพิเศษและขายสติ๊กเกอร์ไลน์
มันดูคล้ายๆกับหลักการณ์ของเศรษฐกิจพอเพียงไหมครับ ที่รายได้อย่างหนึ่งลด แต่รายได้อีกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม
และผู้เขียนจึงคิดว่า "เศรษฐกิจพอเพียงในยุค4.0 คือ การที่เรามีรายได้แบบ active income และ passive income ควบคู่กันไป"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น